กิจกรรม 4
1.เหตุผลทำไมต้องประกาศพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายปฏิรูประบบราชการโดยให้แยกภารกิจเกี่ยวกับงานด้านศิลปะและวัฒนธรรม ไปจัดตั้งเป็นกระทรวงวัฒนธรรม และโดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการ บริหารและจัดการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ประกอบกับสมควรให้มีคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทำหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนา มาตรฐานและหลักสูตรการอาชีวศึกษาทุกระดับที่สอดคล้องกับความต้องการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติ สนับสนุนทรัพยากร ติดตามตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการอาชีวศึกษาด้วย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
2.ท่านเข้าใจความหมายตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 อย่างไร
“การศึกษาภาคบังคับ” หมายความว่า การศึกษาชั้นปีที่หนึ่งถึง ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
“สถานศึกษา” หมายความว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษา
“ผู้ปกครอง” หมายความว่า บิดามารดา หรือบิดา หรือมารดา ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และหมายความรวมถึงบุคคลที่เด็กอยู่ด้วยเป็นประจำหรือที่เด็กอยู่รับใช้
เด็ก” หมายความว่า เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดจนถึงอายุย่างเข้าปีที่สิบหก เว้นแต่เด็กที่สอบได้ชั้นปีที่เก้า ของการศึกษาภาคบังคับแล้ว
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน” หมายความว่า คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมาย ว่าด้วยการศึกษา
คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา” หมายความว่า คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษา แห่งชาติ
“องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสถานศึกษาอยู่ในสังกัด
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ก. ผู้ปกครอง ข.เด็ก ค.การศึกษาภาคบังคับ ง. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
3.กรณีผู้ปกครองไม่ส่งเข้าเรียนตามที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดจะต้องถูกลงโทษอย่างไร และถ้าเด็กไม่สามารถเข้ารับการศึกษาใครจะเป็นผู้มีอำนาจในการผ่อนผันเด็กเข้าเรียน
ในกรณีที่ผู้ปกครองไม่ส่งเด็กเข้าเรียนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการให้เด็กได้เข้าเรียนตามวรรคหนึ่งได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่รายงานให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท้องที่ที่พบเด็ก แล้วแต่กรณี เพื่อดำเนินการให้เด็กได้เข้าเรียนในสถานศึกษา
4.ให้นักศึกษาสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากการอ่านพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรรวงศึกษาธิการ มีทั้งหมด 21 ข้อ
จากการอ่านพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ มีทั้งหมด 21 ข้อ
สรุปได้ว่า
- อำนาจหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ใน พรบ. ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
- อำนาจหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการคือ จัดการศึกษา บำรุงรักษา สืบสารศิลปวัฒนธรรม
- การจัดระเบียบกระทรวงศึกษาธิการจัดไว้ 3 ส่วน คือ ส่วนกลาง เขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาของรัฐระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล
- การกำหนดตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการควรคำนึงถึง
คุณวุฒิ ประสบการณ์และมาตรฐานวิชาชีพ , ลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบ และคุณภาพงาน
- การจัดบริหารราชการส่วนกลางประกอบด้วย ส่วนราชการที่ข้นตรงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสำนักงานรัฐมนตรี และสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
- ผู้บังคับบัญชาข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
- คณะกรรมการสภาการศึกษากำหนดตำแหน่งประธานกรรมการไว้ใน พรบ 2546
- หน้าที่ของผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ คือ นิเทศให้คำปรึกษาและแนะนำเพื่อ การปรับปรุง ตรวจราชการ และศึกษาวิเคราะห์ วิจัย
- หน่วยงานระดับที่สามารถมีผู้ตรวจราชการได้คือ กระทรวงศึกษาธิการ กรมหรือหน่วยงานเทียบเท่ากรม และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
- การจัดรูปแบบการศึกษาอยู่ในรูปแบบการศึกษานอกระบบหรือตามอัธยาศัย
- การจัดการศึกษาสำหรับคนที่มีความสามารถพิเศษ
- การจัดการศึกษาสำหรับผู้ที่มีความบกพร่อง ทางร่างการ จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคมการสื่อสารและการเรียนรู้หรือมีร่างกายพิการ หรือ ทุพพลภาค
- ผู้บังคับข้าราชการในสำนักงานรองจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คือ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการและเลขาธิการ
- ผู้บังคับข้าราชการและสถานศึกษาของรัฐในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา คือ เลขิการคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น